วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทศนางานศพในวันที่ 25 ธันวามคม 2553 (ปลายปีแล้วคับ)

ยํกิญฺจิ สมุทย ธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธะมฺมนฺติ



อันผลไม้ น้อยใหญ่ ทุกประเภท

 
มันบอกเหตุ ให้เห็น เป็นตัวอย่าง


ทั้งผลอ่อน ผลแก่ มิเว้นวาง


สุกหล่นบ้าง เหี่ยวหล่นบ้าง ตามทางมัน


ทุกชีวิต ก็เป็น เช่นผลไม้


ย่อมมีตาย ทั้งอ่อนแก่ มิแปรผัน


เมื่อรู้แล้ว จะลุ่มหลง ทำไมกัน


ตั้งใจมั่น รีบหาทาง สร้างความดี


ขอเจริญพร ญาติโยมสาธุชนพุทธบริษัททุกท่าน ณ โอกาสต่อจากนี้ไปพอประมาณ ญาติโยมสาธุชนจะได้รับฟังธรรมสังเวช ปรารภเหตุของการวายชน เนื่องจากว่าในวันนี้ท่านเจ้าภาพ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทุกท่านได้มาร่วมกันฌาปนกิจเพื่ออุทิศคุณงามความดีอันนี้ส่งไปให้แก่ (ผู้วายชน) การจากไปของผู้วายชนในครั้งนี้ก็ย่อมสร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เพราะการจากไปของท่านในครั้งนี้เป็นการจากไปแบบไม่มีวันที่จะหวนกลับ


ท่านว่าคนเราเกิดมาย่อมหนีความแก่ไม่ได้ หนีความเจ็บไข้ไม่พ้น ทุกคนเกิดมาในโลกนี้ต้องพบกับความตาย แต่อย่างไรก็ดีเมื่อพูดถึงความตายแล้ว ท่านได้แบ่งความตายไว้หลายประเภทแต่ที่สำคัญมี 2 ประเภทนั่นก็คือ ตายใน ตายนอก


ตายใน เป็นการตายของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอริยเจ้าทั้งหลาย เพราะคำว่าตายใน ณ ที่นี้ ก็คือตายจากกิเลส จิตใจของท่านตายจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาและอวิชชาทั้งหลายไม่ยึดติดต่อสิ่งใด ๆในโลกนี้


ตายนอก เป็นการตายแบบเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายที่เป็นมนุษย์ปุถุชน บางคนก็ตายตามอายุไข คือแก่ชราตายบ้าง บางคนก็ป่วยตายบ้าง บ้างก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตบ้าง


ดังนั้นเราจะอยู่ที่ใด จะอยู่ในฐานะไหน ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เกิดมาในโลกนี้แล้วย่อมหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพญามัจจุราชไปได้


มัจจุราช นายเรา เอาไปแน่


เว้นเสียแต่ เร็วช้า อย่าสงสัย


คืนและวัน ผันดับ ล่วงลับไป


เราก็ใกล้ ป่าช้า มาทุกวัน


เพราะความตาย ไม่มีใคร หนีพ้นได้


แต่ควรให้ อายุไข นั้นมาถึง


ตายไม่ถึง เวลา น่าคะนึง


ควรขอพึ่ง คุณพระ มาคุ้มครอง


ดังนั้นวันนี้ เรามางานศพ เราได้มาพิจารณาความเป็นจริงของชีวิต ได้มาเห็นความไม่เที่ยงแท้แล้วหรือยัง หรือว่ามาเฉย ๆ มาตามพิธี มาตามประเพณีแค่นั้น


เพราะถ้าเป็นสมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่ ถ้ามางานศพที่วัด ถามเค้าว่ามาทำไมเค้าจะตอบว่ามาเผาผี เผาผีในที่นี้ไม่ใช่ เผาศพคนตายหรอก แต่เป็นปริศนาธรรมที่เค้าพูดขึ้นมา แต่ส่วนมากจะไม่รู้ความหมาย


คำว่าเผาผี ผีในที่นี้ก็คือ ผีในตัวเรา ซึ่งก็มี


ผีหนึ่งชอบดื่มสุราเป็นอาจิณ ไม่ชอบกินข้าวปลาเป็นอาหาร


ผีสองชอบท่องเที่ยวยามวิกาล ไม่รักลูกรักบ้านของตน


ผีสามชอบเที่ยวดูการเล่น ไม่เว้นบาร์คลับละครโขน


ผีสี่ชอบคบคนชั่วมั่วกับโจร หนีไม่พ้นอาญาตราแผ่นดิน


ผีห้าชอบเล่นไพ่เล่นม้ากีฬาบัตร สาระพัดถั่วโปไฮโลสิ้น


ผีหกชอบเกียจคร้านการหากิน มีทั้งสิ้นหกผีอัปรีย์เอย


ดังนั้นเรามาเผาศพทั้งทีควรเผาผีเสียบ้าง ที่สำคัญควรทำใจให้ปล่อยวาง คิดเสียบ้างว่าทุกอย่างมันไม่เป็นดั่งใจ เมื่อทำได้เช่นนี้ใจก็สบาย กายก็สบาย และเมื่อตายก็ได้ไปสู่สวรรค์อย่างไม่น่าสงสัย อย่าปล่อยวันเวลาให้ล่วงเลยไป อย่าช้าอยู่ใยให้รีบสร้างความดี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น